FORBIDDEN Ch8: ไม่มีอะไรที่เหมือนเดิม
FORBIDDEN
Ch8: ไม่มีอะไรที่เหมือนเดิม
#อากวินท์น้องอินทัช
“ทำไมไม่เข้าไปรอในเซเว่น...แล้วนั่นคุยกันรู้เรื่องหรือไง?” กวินท์ถามขึ้นหลังขับรถเข้ามาในซอยแล้วเจอเด็กตัวเล็กนั่งคุยกับหมาตัวอ้วนเยื้องประตูเซเว่นออกไป
ใบหน้าน่ารักค่อยๆเงยขึ้นมองเขา
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าผิวที่ควรจะเนียนละเอียดมีรอยฟกช้ำอยู่ประปราย
“เจ้าอ้วงถามว่าอามาแล้วหรอฮะ”
เสียงใสว่าแบบนั้นก่อนรอยยิ้มกว้างจะถูกจุดขึ้น
“สรุปว่าคุยกันรู้เรื่องสินะ”
ชายหนุ่มว่าพร้อมกลั้วหัวเราะในลำคอ “แล้วน้องอินจะนั่งอยู่แบบนั้นหรอครับ?”
“เปล่าครับ
ไปก่อนนะเจ้าอ้วง” อินโบกมือลาเจ้าหมาอ้วนที่นั่งเป็นเพื่อนเขามาเกือบครึ่งชั่วโมง
มือเล็กยันเข่าพยุงตัวลุกขึ้นยืน เกือบจะทรุดร่วงลงไปกองกับเพื่อนอีกรอบถ้าไม่มีมือใหญ่พุ่งเข้ามาประคองไว้
“ไหวไหม?”
กวินท์ถามเสียงเครียด แต่อินส่ายหน้าให้แล้วดันเขาออก
“สบายมากเลยครับ
เมื่อกี้อินแค่เหน็บกินเฉยๆ” ถึงจะบอกแบบนั้นแต่กวินท์กลับไม่เชื่อเลยสักนิดเพราะสีหน้าอีกคนแสดงความเจ็บปวดออกมาอย่างเห็นได้ชัดแม้จะฝืนยิ้มให้เขาก็ตาม
“เราขึ้นรถกันก่อนดีกว่า”
คุณอาว่าแล้วดึงข้อมือเล็กให้เดินตามไปยังรถที่จอดไว้ฝั่งตรงข้าม
ร่างสูงเปิดประตูให้อีกคนเข้าไปนั่งก่อนจะจัดการคาดเข็มขัดนิรภัยให้เสร็จสรรพแล้วเดินอ้อมไปนั่งประจำฝั่งคนขับ
อินทัชยังคงนั่งเงียบไม่พูดไม่จาส่วนคุณอาก็ยังคงไม่ออกรถ
เขานั่งมองเด็กที่เอาแต่นั่งก้มหน้าไม่ยอมเปิดปากพูดอะไรสักคำมานานเกือบสิบนาที
และคนเด็กกว่าก็ต้องยอมแพ้เงยหน้าขึ้นมาเอียงคอมองคนที่จ้องตัวเองไม่เลิก
“อาไม่ไปหรอครับ?”
“น้องอินไปโรง’บาลกับอาก่อนนะครับ”
กวินท์บอกเด็กตัวเล็กเมื่อพบว่าตามใบหน้าและลำตัวมีแต่รอยฟกช้ำดำเขียวทั้งที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าที่เจอกันยังไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนด้วยซ้ำ
“อินไม่อยากไป”
อินทัชปฏิเสธทันควัน ซึ่งกวินท์ก็รู้ดีว่าจะได้รับคำตอบแบบนั้น
ดูจากการที่อินชอบดื้อจะไม่ยอมทำแผลในหลายๆครั้งที่ผ่านมา
“แต่เราต้องไป”
ต่อให้อินจะงอแงไม่อยากไปโรงพยาบาลแค่ไหนเขาก็คงจะยอมไม่ได้
แม้จะพอเดาได้จากที่ลูกชายเล่าให้ฟังแต่กวินท์ก็ยังไม่รู้รายละเอียดเรื่องที่เกิดขึ้นและก็ไม่ได้ถามเพราะคิดว่าตัวเล็กคงยังไม่พร้อมตอบ
“อาอย่าบังคับอินได้ไหม
อินกลัว” จากที่พูดกันดีๆเสียงเล็กก็สั่นขึ้นมา
ไหนจะยังดวงตากลมที่มีน้ำตาคลอหน่วยนั่นอีก เขาเกือบจะใจอ่อนเข้าให้แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้า
“แค่ไปให้หมอตรวจเองไม่เห็นจะน่ากลัว”
จากที่ตอนแรกใช้น้ำเสียงเหมือนออกคำสั่งกวินท์ก็ปรับเสียงให้อ่อนลง
มือใหญ่ส่งไปลูบผมอีกคนเบาๆ “ไปกับอานะครับ เด็กดี”
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นอย่างชั่งใจ
กวินท์ไม่ได้เร่งรัดให้อีกคนตอบรับ มือที่ลูบหัวเลื่อนลงไปดึงมือเล็กที่วางอยู่บนตักมาจับไว้ก่อนจะใช้นิ้วโป้งลูบวนที่หลังมือเบาๆด้วยความทะนุถนอม
และมันอ่อนโยนเสียจนคนถูกกระทำหัวใจอ่อนยวบ อินทัชพยักหน้าให้อย่างจำยอม
“ไปก็ได้ครับ”
......
พวกเขาใช้เวลารอหมอและตรวจไปชั่วโมงกว่า
กวินท์ดูนาฬิกาพบว่าเวลาปาเข้าไปเกือบจะตีหนึ่ง อินทัชหลับไปแล้ว
หัวเล็กซบลงกับหน้าต่างเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปจับศีรษะกลับมาให้นอนดีๆ Land Rover สีบรอนซ์เงินเลี้ยวเข้าจอดในตัวบ้านก่อนที่ชายหนุ่มจะดับเครื่องยนต์และหันไปปลุกเด็กขี้เซา
“น้องอินตื่นครับ”
กวินท์สะกิดเบาๆเด็กตัวเล็กจึงค่อยๆตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ
อินปิดปากหาวน้อยๆแล้วหันออกไปมองนอกหน้าต่างรถ
“อือ
เร็วจังเลยครับ” บอกแล้วขยี้ตาจนกวินท์ต้องส่งมือไปรั้งข้อมือเอาไว้เพราะกลัวตาจะบวมเสียก่อน
แม้ผลตรวจจะไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่เขาก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี
“เราจะอาบน้ำก่อนไหม
เสร็จแล้วเดี๋ยวอาทายาให้...จะได้รีบนอน” เขาบอกเมื่อเดินเข้ามาในบ้าน
อินพยักหน้ารับก่อนจะเดินขึ้นไปบนชั้นสองยังห้องแขกที่เขาเคยมานอนเมื่อเดือนก่อน
ดวงตาวูบไหวจ้องสภาพอันน่าสมเพชของตัวเองในกระจกแล้วแค่นหัวเราะ
เนื้อตัวมีแต่รอยฟกช้ำ ยังไม่นับรอยแผลเป็นเก่าๆตามแขนขานี่อีก
อินอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆให้สาสมกับความเจ็บปวดที่ได้รับแต่สุดท้ายที่ทำได้ก็มีเพียงก้มหน้ารับชะตากรรมก็เท่านั้น
ถ้าฟ้ากำหนดมาให้อินจะต้องเกิดมาเพื่อเป็นที่รองมือรองเท้าของผู้มีพระคุณมันก็คงเปลี่ยนอะไรไม่ได้
อย่างน้อยตาก็ช่วยเลี้ยงเขามาจนโตขนาดนี้...ถ้าตอนนั้นพวกท่านทั้งสองเลือกที่ปัดความรับผิดชอบเหมือนพ่อแม่บังเกิดเกล้าของตัวเอง
แล้วปล่อยอินทิ้งไว้หน้าประตูบ้านแบบนั้นอินก็คงไม่มีวันนี้
ทำไงได้...ในเมื่อโชคชะตากำหนดให้เป็นแบบนี้เขาก็ต้องยอม
......
“อาบนานขนาดนั้นเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”
ร่างเล็กสะดุ้งเบาๆเพราะไม่ทันเห็นว่าเจ้าของบ้านมานั่งรออยู่ในห้องก่อนแล้ว จู่ๆอินก็ทำตัวไม่ถูกขึ้นมา
หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวเมื่อนึกได้ว่าเขาอยู่กับอาแค่สองคนในห้อง
อาการบ้าๆพวกนี้มันเกิดบ่อยขึ้นเรื่อยๆในทุกครั้งที่อินเข้าใกล้เขา
‘พ่อของเพื่อนสนิท’ มันไม่ควรเป็นแบบนี้และอินก็รู้ดี...
“มานั่งนี่มา
อาจะได้ทายาให้” กวินท์ตบไปบนเตียงข้างๆตัวเอง เด็กตัวเล็กเดินไปนั่งอย่างว่าง่าย
“อ๊ะ...” เผลอมองตามอาที่ง่วนอยู่กับการแกะหลอดยาเพลินก่อนจะสะดุ้งเมื่อโดนครีมยาเย็นๆป้ายลงบนมุมปากตัวเอง
อินกลั้นยิ้มเมื่ออีกคนใช้สายตามองเขาด้วยความห่วงใย ปลายนิ้วยาวค่อยๆบรรจงทายาให้เขาแผ่วเบา
“เราขยับไปนอนได้ไหมครับ”
กวินท์ถามแบบนั้นเพราะเขาทายาให้อีกคนไม่ถนัด
อินทัชอ้ำๆอึ้งๆไม่รู้ว่าควรทำยังไงแต่สุดท้ายก็ยอมนอนลงแล้วดึงเสื้อขึ้นให้อีกฝ่ายทายาตรงท้องกับบั้นเอวได้ถนัด
ใบหน้าน่ารักเบือนเข้าหากำแพง แก้มขาวขึ้นสีระเรื่อ
กวินท์มองปฏิกิริยานั่นแล้วเผลอยกยิ้มด้วยความเอ็นดู
“พอแล้ว ไม่ทาแล้ว”
อินร้องห้ามเพราะไม่ชอบเวลาที่ทายาและแสบแผล เด็กชายมีความเชื่อว่าเจ็บแค่ตอนเป็นแผลครั้งเดียวก็เกินพอ
ต้องมาทำแผลให้เจ็บซ้ำเจ็บซ้อนแบบนี้เขาไม่ชอบเลย ดวงตากลมมีน้ำตาคลอ
ปากอิ่มเม้มแน่นหวังกลั้นน้ำตาที่จะไหลอยู่รอมร่อไม่ให้ไหลลงมา อินไม่อยากกลายเป็นขี้แงในสายตาอากวินท์อีกแล้ว
กวินท์ละสายตาจากรอยแดงบนหน้าท้องขาวก่อนจะสบเข้ากับดวงตาแดงๆที่มองเขา
เด็กน้อยตรงหน้ากัดริมฝีปากจนช้ำกลั้นเสียงสะอื้น พอเห็นดังนั้นชายหนุ่มจึงขยับไปใกล้
รวบเด็กตัวเล็กเข้าไปไว้ในอ้อมกอด เพียงเท่านั้นอินทัชก็ปล่อยเสียงโฮ
ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน เสื้อยืดสีเทาของเขาเปียกชื้นไปด้วยน้ำตา กวินท์ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจเขาถึงหนักอึ้งเมื่ออินตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดของเขา
เขาไม่เข้าใจการกระทำที่ดึงอีกคนมากอดปลอบทั้งที่บอกกับตัวเองไว้ว่าห้ามทำ...ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเผลอกดปลายจมูกโด่งลงบนกลุ่มผมนิ่มในตอนที่ลูบหลังอีกคน
ผ่านไปเกือบสิบนาทีเด็กในอ้อมแขนถึงเริ่มสงบลง กวินท์คลายอ้อมกอดแล้วผละออกมามองคนที่ตอนนี้ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาอย่างน่าสงสาร
"หยุดร้องได้แล้ว" ชายหนุ่มใช้นิ้วโป้งเกลี่ยคราบน้ำตาให้อีกฝ่าย สัมผัสเบาบางทว่ากลับทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง
อินกระพริบตามองคนแก่กว่าปริบๆ
"อาครับ" เด็กตัวเล็กเรียกเสียงแผ่วเมื่ออีกฝ่ายโน้มใบหน้าลงมาใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนผะผ่าว กวินท์อยากหลอกตัวเองว่าเขาก็แค่กำลังปลอบเด็กขี้แงคนหนึ่ง จุมพิตที่หน้าผากไม่ต่างอะไรกับตอนที่ลูกชายตนร้องไห้เมื่อคราวต้องสูญเสียผู้เป็นมารดา จุมพิตที่ปลายจมูกแดงรั้นก็แค่การปลอบใจ และจูบแผ่วเบาที่เรียวปากอิ่มก็เป็นเพียงการปลอบประโลมอย่างหนึ่งเช่นกัน
ดวงตากลมโตสั่นไหวเมื่อพวกเขาสบตากัน เขาเห็นคำถามมากมายในแววตาคู่นั้นทว่ากวินท์ก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เช่นกัน เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจ ไม่มีถ้อยคำใดถูกเอื้อนเอ่ย...
“เรานอนเถอะ”
กวินท์บอกแล้วเตรียมลุกออกไป ทว่ามือเล็กกับรั้งชายเสื้อเขาไว้แน่น
ใบหน้าคมหันกลับมามองแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไรแต่อินก็เงียบ
“ว่าไงครับ?” กวินท์หมุนตัวกลับมาแล้วนั่งยองๆลงข้างเตียงรอคนที่นอนอึกๆอักๆเหมือนมีอะไรจะพูดแต่ก็ไม่ยอมพูดสักทีจนต้องถามซ้ำอีกรอบ
“ว่าไงเรา ถ้าไม่มีอะไรแล้วอาจะได้ไปนอน”
“อิน...”
พูดแค่นั้นแล้วก็เงียบไปอีกรอบก่อนจะส่ายหัวให้ กวินท์เลยทำท่าจะลุกออกไปคราวนี้อินถึงได้ยอมพูดออกมา
“...อินไปนอนด้วยได้มั้ยครับ อินไม่อยากนอนคนเดียว”
ชายหนุ่มลอบถอนหายใจ นับได้ว่าเด็กคนนี้สามารถทำให้เขาลำบากใจได้หลายครั้งหลายคราเพียงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
เขานิ่งไปอย่างครุ่นคิดทั้งที่ไม่ควรจะต้องคิดมากด้วยซ้ำ เพราะเสียมารดาไปแต่เด็กทำให้ลูกชายชอบมาอ้อนขอนอนกับบ่อยๆ
เพิ่งจะมาเลิกอ้อนไปก็ตอนที่มีแฟน กวินท์ได้แต่คิดว่ามันจะต่างกันตรงไหน ...เพียงแต่เสียงที่เคยกระซิบเบาๆในใจมันเริ่มดังขึ้นทุกที
และเขาก็เริ่มกลัวใจตัวเองเหลือเกิน
“ต...แต่
ไม่เป็นไรก็ได้ครับ อินว่าอินนอนคนเดียวดีกว่า” เพราะกวินท์นิ่งไปเลยทำให้เด็กน้อยใจเสีย
เสียงแผ่วรีบละล่ำละลักบอกอีกฝ่ายทั้งที่หัวใจดวงน้อยเริ่มบีบรัดจนเจ็บไปหมด
“อาว่าอะไรหรือยัง
หื้ม?” เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะคิดมากกวินท์จึงบอกออกไปแบบนั้น
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เริ่มแคร์เพื่อนสนิทของลูกมากขนาดนี้ “อยากไปก็ไป”
......
พอเข้ามานอนด้วยกันในห้องของอาแล้วอินถึงได้รู้สึกว่าไม่น่าเลย...เขาไม่น่าขออากวินท์เข้ามานอนเลย
กลายเป็นว่าจากที่จะนอนไม่หลับอยู่แล้วมันยิ่งไปกันใหญ่
เด็กน้อยรู้สึกอึดอัดจนอยากจะร้องไห้ออกมา
ยิ่งตอนที่อีกฝ่ายล้มตัวลงนอนข้างๆอินก็แทบอยากจะขอกลับไปนอนห้องตัวเองซะเดี๋ยวนั้น
อินไม่รู้ว่าอาหลับไปหรือยังเพราะเขานอนไม่หลับ
กระนั้นก็ไม่กล้าจะขยับหรือพลิกตัวเลยได้แต่นอนหลับตานิ่งๆ ท่ามกลางความมืดได้ยินเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศและเสียงลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอของคนร่วมเตียงเดียวกันร่างเล็กถึงพลิกตัวกลับไป
อินอยากมองหน้าอาให้ชัดๆ...อยากรู้ว่าจะมีคำตอบของคำถามที่เกิดขึ้นในใจบ้างหรือไม่
“นอนไม่หลับหรือไง”
หัวใจอินทัชเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งขึ้นมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้เมื่อพบว่ากวินท์ยังไม่ได้หลับแบบที่เขาคิด
และที่ทำให้ใบหน้าน่ารักร้อนผ่าวเห็นจะเป็นสายตาคมที่จับจ้องใบหน้าตัวเองไม่ลดละ
ทั้งที่คิดว่าคงไม่กล้าสบตาอาตรงๆแต่พอเอาเข้าจริงอินทัชกลับละสายตาจากดวงตาคู่นี้ไม่ได้เลย
เป็นอินเองที่ขยับเข้าไปใกล้กวินท์มากขึ้นจนลมหายใจรดใบหน้ากัน
เขาคิดว่ากวินท์จะถอยออกแต่ชายหนุ่มทำเพียงนอนนิ่งๆมองเขาเท่านั้น
มันทำให้เด็กตัวเล็กยิ่งได้ใจ ขยับไปใกล้...ใกล้เข้าไปจนกระทั่งริมฝีปากเย็นเฉียบแตะลงบนเรียวปากร้อนของอีกคนแล้วผละออกมา
ในขณะที่เขาเขินจนแทบบ้ากวินท์กลับดูนิ่งเสียจนอินเริ่มหวั่นใจ
ขออีกแค่ครั้งเดียวอินคงหาคำตอบให้ตัวเองได้
เปลือกตาบางปิดลงเมื่อเลื่อนเข้าไปแตะปากเป็นครั้งที่สอง ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่หัวใจที่เคยเต้นแรงค่อยๆเต้นช้าลง
ราวกับมีเชือกที่มองไม่เห็นมาบีบรัดไว้ มันทั้งเจ็บและอึดอัดจนอยากจะร้องไห้ออกมา
อินเข้าใจแล้ว
อาไม่ได้คิดอะไรกับอินเลยจริงๆ...
เด็กน้อยไม่ได้ลืมตาในตอนที่ถอยออกมา
รอยยิ้มบางถูกจุดขึ้นมาด้วยความสมเพชเวทนาในความรู้สึกของตน
อินรู้อยู่แล้ว...มันก็ตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่หรอทำไมยังไม่ยอมพอ
ทำไมยังพยายามหลอกตัวเองแล้วฝืนความเป็นจริง
“อ...อาครับ อินขอ—” ตั้งใจจะเอ่ยคำขอโทษเพราะกลัวอาจะโกรธแต่เสียงกลับถูกกลืนหายไปด้วยริมฝีปากของคนแก่กว่าที่ครั้งนี้เป็นฝ่ายรุกรานก่อน
อารามตกใจอินเลยจะถอยออกแต่ท้ายทอยกลับถูกมือใหญ่ล็อกไว้ไม่ให้ขยับหนี และยิ่งต้องตกใจจนแทบสิ้นสติเมื่อกวินท์ส่งปลายลิ้นร้อนแทรกชำแรกเข้ามาในโพรงปาก
ลมหายใจเด็กตัวน้อยหอบถี่กระชั้นด้วยความตื่นเต้นระคนตื่นกลัวหากแต่ไม่มีทางให้ถอยหลังกลับเมื่อคนแก่กว่าไม่อนุญาต
กวินท์รู้ว่าอีกคนยังไม่มีประสบการณ์เพราะลิ้นเล็กพยายามจูบเขาตอบแบบเงอะงะ ชายหนุ่มค่อยๆไล่ต้อนอีกฝ่ายอย่างใจเย็น ไล้ปลายลิ้นไปตามแนวฟันเรียงตัวสวยก่อนจะกลับมาหยอกล้อกับปลายลิ้นน่ารักที่เริ่มจะเกี่ยวกระหวัดกลับคืน
เพียงอึดใจเดียวกวินท์ก็พลิกขึ้นมาคร่อมร่างเล็กเอาไว้ มือใหญ่จับมืออีกคนที่เกาะชายเสื้อตัวเองแน่นขึ้นไปคล้องคอ มืออีกข้างส่งไปลูบแก้มใสเบาๆอย่างเอ็นดู
เมื่อเริ่มจะรู้งานสัมผัสที่แลกเปลี่ยนจึงเริ่มที่จะร้อนแรงขึ้น นิ้วเล็กขยุ้มกลุ่มผมดำสนิทเมื่อฝ่ามือเย็นเฉียบสัมผัสลงบนหน้าท้องแบนราบของตน
กวินท์เปิดโอกาสให้อีกคนได้กอบโกยลมหายใจ
เขามองเด็กที่ตอนนี้หูแดงหน้าแดงยิ่งกว่าตอนร้องไห้เมื่อเกือบครึ่งชั่วโมงก่อน ดวงตาคู่สวยปริ่มน้ำที่ปลายหางตา หยดน้ำใสไหลลงมาจากมุมปาก ทรวงอกยกขึ้นลงตามมาด้วยเสียงหอบดังแข่งกันกับเสียงเนื้อผ้าเสียดสี
สัญชาติญาณดิบในตัวถูกปลุก
ไฟแห่งความปรารถนาถูกจุดให้โหมกระพือเมื่อใบหน้าหวานบิดเบี้ยวเชิดขึ้นด้วยความทรมานยามที่เขาสอดฝ่ามือเข้าไปใต้เสื้อแล้วลูบวนอยู่บนหน้าท้องเนียนราบก่อนจะลากต่ำไปวนเวียนอยู่ตรงขอบกางเกง
"อ...อาครับ" เสียงสั่นๆที่เรียกเขาราวกับไม่แน่ใจเป็นสิ่งที่ดึงสติชายหนุ่มให้กลับคืนมา กวินท์หยุดการกระทำทุกอย่างลงทันที มองร่างเล็กที่นอนหอบอยู่บนเตียงด้วยสายตาที่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกผิด
"เรานอนเถอะ" ชายหนุ่มบอกก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นมานั่งแล้วก้าวลงจากเตียงไปอยู่หน้าประตูอย่างรวดเร็ว
"อ...อาจะไปไหนครับ?" หัวใจอินทัชหล่นวูบเมื่อจู่ๆร่างสูงเดินหนีตนไป ที่เรียกอาเมื่อกี้เพราะเขาหวาดกลัวเมื่อรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น แต่พออีกคนเดินหนีไปอินถึงได้รู้ว่ามันแย่กว่านั้นมากมายเหลือเกิน
"น้องอินนอนเถอะครับ" กวินท์บอกโดยไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าอีกคนด้วยซ้ำ ทว่าอินก็ยังส่ายหัวรัวๆ
"ไม่เอาครับ อามานอนเถอะ ถ้าต้องมีคนไปเดี๋ยวอินกลับไปนอนที่ห้องเองก็ได้" อินบอกแล้วรีบลุกขึ้น ยิ่งพอเห็นอีกคนขยี้ผมคล้ายจะหงุดหงิดน้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วก็ร่วงผล็อยลงมาให้รำคาญใจเล่นอีกครั้ง
อินรีบปัดมันออกลวกๆด้วยกลัวว่าอีกคนจะเห็น
และโชคดีที่ห้องมันมืดกวินท์ถึงไม่ทันได้เห็นมัน
"ไม่ต้อง" ร่างสูงเดินกลับมาแล้วดันอีกคนให้กลับนั่งลงบนเตียงตามเดิม ก่อนจะเดินอ้อมมาทิ้งตัวลงข้างๆร่างเล็กแล้วดึงผ้าห่มคลุมตัวอีกคนให้ "ทีนี้เราก็นอนได้แล้ว"
"อาครับ..."
"อย่าเพิ่งพูดอะไร" กวินท์รีบห้ามเพราะเขาเองก็ยังไม่มีคำตอบที่ดีพอให้ ลึกๆในใจเขาเองก็รู้ดีทว่ากลับไม่กล้าพอที่จะให้คำตอบมัน
"แต่อาครับ" อินเรียกคนข้างๆซ้ำ คราวนี้ไม่มีเสียงห้ามทว่ากลายเป็นอินเองที่ไม่ยอมพูดต่อ
"นอนครับ" กวินท์ย้ำอีกรอบและครั้งนี้อินทัชก็รับคำอย่างว่าง่าย
"ครับ"
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงที่ไร้ซึ่งบทสนทนาใดๆหากแต่ทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าไม่มีใครข่มตาให้หลับได้ลง ใบหน้าหวานกับลมหายใจหอบกระชั้นยังคงดังก้องอยู่ในความรู้สึกของกวินท์ สัมผัสลื่นมือและกลิ่นหอมอ่อนๆยังคงติดอยู่ปลายจมูก ชายหนุ่มหลับตาลง ขบกรามแน่นข่มอารมณ์ที่ถูกจุดขึ้นอย่างอดทนไม่ให้ตัวเองทำอะไรเลวๆกับเพื่อนลูกไปมากกว่านี้ ไม่ต่างอะไรจากมือเล็กที่ขยำผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่เพื่อหวังระบายความรู้สึกอัดอั้นที่ไม่ยอมจางหายไป ราวกับว่าปลายนิ้วเย็นเฉียบของอายังคงลูบวนอยู่บนหน้าท้องที่หดเกร็งของตนเอง
อินทัชหลับตาแน่น ฟันขาวขบกัดริมฝีปากกลั้นเสียงร้องในยามที่เขาเริ่มสัมผัสตัวเองทั้งที่ในหัวยังคงคิดถึงฝ่ามือคู่นั้น
ดวงตาของอาที่มองมาอย่างต้องการมันทำให้อินทรมานจนหลับไม่ลง
“อึ้ก”
กายเล็กสั่นเบาๆเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงอารมณ์ของตนเองที่พุ่งขึ้นไปจนยากจะฉุดให้กลับมา และกวินท์มองเห็นทุกการกระทำนั้น มองเห็นสีหน้าทรมานของคนที่พยามกลั้นเสียงร้องตัวเองเอาไว้ มองเห็นมือที่ขยำผ้าปูจนยับยู่ยี่และริมฝีปากอิ่มที่เปลี่ยนมาเผยอขึ้นเพื่อกอบโกยเอาอากาศเข้าปอด
ชายหนุ่มตัดสินใจหันหลังให้ภาพเหล่านั้น ทุกอย่างควรหยุดเท่านี้ เพียงแต่เสียงครางหวานหูที่หลุดออกมาก็ทำให้ความอดทนที่เขาพยายามมานานสองนานพังทลายลง
"อ...อากวินท์ อ๊ะ!"
กวินท์จับคนที่นอนหันหลังให้ตนพลิกกลับมานอนหงาย อินทัชดูจะตกใจมากกับการกระทำที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วของเขา ทว่าเมื่อริมฝีปากสัมผัสกันก็จูบตอบแทบจะในทันที ไม่ได้เป็นไปอย่างเชื่องช้าเหมือนในครั้งแรก ความอดทนตลอดครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาทำให้ร่างสองร่างโถมเข้าหากันอย่างแนบแน่น
เสื้อยืดตัวโคร่งถูกถอดออกไปก่อนจะตามด้วยกางเกงนอนจนเหลือเพียงชั้นในตัวจิ๋ว ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ฟอนเฟ้นไปทั่วผิวเนียนเลื่อนมือแล้วมาหยุดอยู่ที่ยอดอกซึ่งแข็งชูชันสู้กับนิ้วมือชายหนุ่ม
"อา..." อินแอ่นอกรับ หลุดครางออกมาด้วยความวูบโหวงยามที่ปลายลิ้นชื้นแฉะไล้เลียบนยอดอกตนก่อนที่อีกฝ่ายจะดูดดุนและดึงอย่างแรงจนเด็กน้อยถึงกับร้องเสียงดัง
มือใหญ่กอบกุมลงบนส่วนอ่อนไหวที่แข็งขืน ส่วนปลายมีน้ำปริ่มจนซึมผ่านชั้นในออกมา อินทัชยกมือขึ้นปิดหน้าเมื่อชั้นในถูกร่นไปจนถึงข้อเท้าก่อนจะลงไปอยู่บนพื้น
"เอามือออกครับ" กวินท์สั่ง เขาอยากเห็นสีหน้าอีกคนตอนที่เขาเริ่มกดจูบลงบนต้นขาเนียนก่อนจะขบเม้มเบาๆให้ร่างเล็กสะดุ้งเป็นระยะ อินทัชเบือนหน้าหนีสายตาคมที่มองมายังตนเอง กายขาวผวาเฮือกเมื่อฝ่ามือใหญ่สัมผัสลงบนส่วนไวต่อความรู้สึก และเริ่มครางไม่เป็นภาษาเมื่อกวินท์เริ่มขยับและเร่งเร้าจังหวะขึ้นเรื่อยๆ
ปลายจมูกโด่งไล้ไปตามซอกคอหอมกรุ่น
เรียวปากหยักกดจูบลงบนผิวเนื้ออ่อน ฝากร่องรอยสีจางไว้แทบจะทุกซอกทุกมุมที่อยู่ภายใต้ร่มผ้า
อินทัชตัวสั่นด้วยความเสียวซ่าน หัวใจพองโตเมื่อครั้งนี้เผลอสบเข้ากับดวงตาที่มองมาอย่างปรารถนาเข้าไปเต็มๆ
"อ...อินไม่ไหวแล้ว" ใบหน้าน่ารักส่ายไปมาจนผมกระจาย อินทัชรู้สึกเหมือนจะขาดใจ สมองเบลอจนมองเห็นเพียงกลุ่มผมดำที่คลอเคลียอยู่ตรงหน้าอกและหน้าท้องตน กระทั่งทุกความปรารถนาถูกปลดปล่อยออกมาจนเลอะหน้าท้องและต้นขา รวมไปถึงฝ่ามือใหญ่ของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของเพื่อน
กวินท์เอื้อมไปหยิบทิชชู่บนหัวเตียงมาเช็ดคราบขาวที่ไหลลงเปรอะเปื้อนบนเตียงรวมไปถึงมือและที่ตัวอีกคน
ชายหนุ่มมองเด็กที่นอนหน้าแดงก่ำกำมือเข้าหากันแน่นด้วยความเขินอายก่อนจะก้มไปหยิบเสื้อผ้าที่ถูกถอดออกไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนมาให้อีกคนใส่
“ให้อินช่วย”
อินรับเสื้อมาถือไว้ก่อนบอกเสียงเบา ใบหน้าน่ารักเบือนหลบอีกคนแล้วพูดย้ำอีกรอบ
“ให้อินช่วยอาบ้างนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ”
กวินท์ปฏิเสธ แค่นี้มันก็เลยเถิดมากพอแล้ว
เขาคงรับตัวเองไม่ได้ถ้าต้องให้อินมาทำอะไรแบบนั้นให้
“อารังเกียจอินหรอ”
เด็กตัวเล็กไม่เข้าใจความคิดชายหนุ่ม แต่ก็คงไม่แปลกอะไรถ้าอาจะรังเกียจกัน
ในเมื่ออินเลือกจะทำตัวแบบนี้เอง
กวินท์เลือกที่จะไม่ตอบคำถามนั้นแต่แล้วเขาก็พลิกกลับไปนั่งพิงหัวเตียงแล้วดึงเด็กตัวเล็กให้ขึ้นมาทับบนร่าง
ส่วนแข็งขืนที่ชูชันดุนดันสะโพกขาวเปลือยเปล่าจนอินรู้สึกได้
“น้องอินรู้อะไรไหม?
อาตามใจเราทุกอย่างแล้วนะครับ” ชายหนุ่มบอกอย่างยอมแพ้
ไม่ชอบเวลาที่เห็นอินทัชเสียใจไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
แม้จะรู้ดีว่าต่อจากนี้คนที่จะกลายเป็นเหตุผลของความเสียใจทั้งหมดของอินคือตัวเขาเอง
มือเล็กค่อยๆแทรกเข้าไปสัมผัสสิ่งที่อยู่ใต้กางเกงอย่างกล้าๆกลัวๆ
แม้จะไม่มีประสบการณ์ตรงแต่เด็กผู้ชายอย่างเขาก็ต้องเคยผ่านตามาบ้าง ความร้อนระอุจากแรงปรารถนาถูกส่งผ่านฝ่ามือจนแก้มที่แดงอยู่แล้วแดงยิ่งขึ้นไปอีก
อินทัชยันตัวชันเข่าค่อยๆถอดกางเกงชายหนุ่มออกช้าๆและแทบจะในทันทีมันก็เด้งขึ้นมาดีดหน้าท้องแบนราบและชูชันต่อสายตา
ร่างเล็กถอยตัวร่นไปด้านหลังในท่าคลานเข่าก่อนจะค่อยๆก้มลงไปใกล้ตัวตนของอา
ทว่าฝ่ามือใหญ่กลับยึดบ่าเขาเอาไว้ก่อน
“จะทำอะไร”
กวินท์ร้องถามด้วยความตกใจเพราะรู้ว่าเด็กตรงหน้าคิดจะทำอะไร แม้จะผ่านบทรักมาอยากโชกโชนทว่ากลับไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายเลยสักครั้ง
ยิ่งกับเด็กคราวลูกด้วยแล้วมันมากเกินไป
“อินอยากทำให้อา” คำพูดซื่อๆตรงๆแต่กลับทำให้มือที่รั้งไหล่บางเอาไว้คลายออก
ปลายลิ้นเล็กค่อยๆแตะลงไปอย่างงกๆเงิ่นๆ ก่อนที่อินจะใช้ริมฝีปากครอบลงบนแกนกายร้อนผ่าว
ความใหญ่โตพองแน่นคับปากมาพร้อมกับกลิ่นดิบร้อนที่ทำเอาดวงตากลมรื้นไปด้วยน้ำตา
ของจริงกับที่เคยดูไม่เหมือนกันเลยสักนิด แต่ถึงอย่างนั้นอินก็เริ่มขยับ
ลิ้นเล็กส่งไปเลียชิมความเป็นชายตั้งแต่ส่วนโคนจรดปลายและวนเวียนอยู่ตรงส่วนหัวจนกระทั่งได้ยินเสียงครางต่ำอย่างพึงพอใจ
“อืม”
กวินท์สูดปากด้วยความกระสันซ่าน
เขาบอกตัวเองให้ใจเย็นๆและยั้งความคิดไม่ให้กระแทกใส่ปากเล็กแรงๆเมื่อสมองเริ่มจินตนาการไปถึงอะไรที่มากกว่านั้น
และเกือบจะทำมันลงไปจริงๆเมื่ออินใช้ดวงตาฉ่ำน้ำช้อนขึ้นมามองเขาแบบนั้น
“ใช้มือ...อืม
แบบนั้น” เขาเริ่มสอนบทเรียนให้เด็กชายที่ไม่รู้ประสา ก่อนจะพบว่าตัวเองแทบคลั่งตายเมื่ออินใช้ทั้งปากและมือไปพร้อมๆกันกระทั่งทนไม่ไหวเผลอคว้าผมอีกคนไว้แล้วกระแทกสะโพกใส่โพรงปากเล็กอย่างแรง
“แค่กๆ”
อินผละออกมาไอโขลกทันทีเมื่ออีกคนปล่อยให้คนเป็นอิสระ
น้ำตาไหลเป็นทางไม่ต่างอะไรกับน้ำลายที่ไหลลงมาถึงปลายคาง ก่อนจะถูกรั้งเข้ามาแล้วเซถลาเข้าไปในอ้อมกอดของกวินท์
“พอแล้วนะครับ
ไม่ต้องทำแล้ว” กวินท์บอกเด็กตัวเล็กที่ตอนนี้ผิวขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดไปทั้งตัว
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขินอายหรือแรงอารมณ์ที่ถูกจุดขึ้นมา
“ต...แต่ว่าอายัง—”
"อาไม่เป็นไรครับ" กวินท์ส่ายหัวให้แม้จะทรมานจนแทบจุกตาย
"..." อินไม่พูดอะไรแต่ภาพที่อีกฝ่ายนั่งมองหน้าเขาด้วยสภาพปากบวมเจ่อ ตาหวานเชื่อมก็มากพอจะทำให้กวินท์เลือกที่จะโยนความผิดชอบชั่วดีในใจทิ้งไปชั่วคราว
"อาไม่เป็นไรครับ" กวินท์ส่ายหัวให้แม้จะทรมานจนแทบจุกตาย
"..." อินไม่พูดอะไรแต่ภาพที่อีกฝ่ายนั่งมองหน้าเขาด้วยสภาพปากบวมเจ่อ ตาหวานเชื่อมก็มากพอจะทำให้กวินท์เลือกที่จะโยนความผิดชอบชั่วดีในใจทิ้งไปชั่วคราว
“งั้นเราเขยิบออกไปนั่งเฉยๆได้ไหม”
กวินท์บอกแล้วดันอินให้ขยับออกไปเล็กน้อยซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมทำตามแต่โดยดีแม้จะยังไม่เข้าใจอะไรเลยก็ตาม ดวงตาคมไล่มองทั่วร่างขาวขณะที่ใช้ฝ่ามือใหญ่กอบกุมความเป็นชายตัวเองก่อนจะหยุดอยู่ที่ดวงหน้าหวานของอินทัช
“อา...”
“มองอาหน่อยได้ไหมเด็กดี”
อินแทบจะตายให้ได้กับเสียงแหบทุ้มที่เอ่ยขอร้องให้เขามองตัวเองยามที่ฝ่ามือหนาขยับขึ้นลง
เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นตามกรอบหน้าคม กวินท์ส่งเสียงครางต่ำในคออย่างอดทน
เขารู้ว่ามันไม่พอแต่มันต้องไม่มากไปกว่านี้ เขาจะยอมให้มันเกิดขึ้นไม่ได้
“อากวินท์”
“อืม”
เขาขานรับให้กับเสียงหวานๆที่เรียกชื่อตน แล้วขยับเร่งจังหวะมือให้ไวขึ้นจวบจนกระทั่งความต้องการถูกปลดปล่อยออกมาเต็มมืออีกครั้งเพียงแต่ครั้งนี้เป็นของเขาเอง
กวินท์ดึงทิชชู่มาเช็ดมือกับหน้าท้องที่เปรอะเปื้อนของตนเอง
เขาลุกขึ้นหยิบกางเกงนอนขึ้นมาใส่ก่อนจะเดินหายไปในห้องน้ำ
อินได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างไปไม่กล้าปริปากพูดอะไรแล้วหยิบชุดนอนที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาใส่บ้าง
ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีกวินท์ก็กลับออกมาก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนเตียงโดยไม่ลืมที่จะดึงอีกคนมากอดด้วย
ต่อให้พยายามแค่ไหนอินก็กลั้นยิ้มไว้ไม่ไหว
แขนเล็กกอดอีกคนตอบ
หัวทุยซุกเข้าหาอกแกร่งเพราะอยากหลบสายตาแต่คนแก่กว่าก็ยังอุตส่าห์เชยคางเขาขึ้นไปให้มองหน้ากัน
“อาไม่เกลียดอินใช่ไหม?”
เด็กตัวน้อยกลัวว่าชายหนุ่มจะเกลียดตัวเองที่ทำตัวเป็นเด็กไม่ดี
อินทัชไม่ได้ดีอย่างที่ใครคิดเลย...เรื่องนั้นเขารู้มันดีกว่าใคร
กวินท์กดจูบลงบนหน้าผากมนแผ่วเบาแทนคำตอบ
แม้จะไม่มีรอยยิ้มให้กันแต่อินกลับรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ แบบที่ใช่ไหมที่เขาเรียกกันว่า
‘รัก’
“น้องอินรู้ใช่ไหมว่าต่อจากนี้ไป
ระหว่างเราไม่มีอะไรที่เหมือนเดิม”
ไม่ว่าจะเป็นไปในทางที่ดีหรือร้ายกวินท์ก็ไม่อาจเป็นแค่พ่อของเพื่อนสนิทให้อินได้เหมือนเดิม
ไม่ว่าเขาจะเลือกกำหนดชะตาชีวิตตัวเองให้เป็นเช่นไรความสัมพันธ์ระหว่างกวินท์กับอินทัชก็ต้องเปลี่ยนไป
และมันคือผลของการกระทำที่พวกเขาเลือกแล้วและต้องยอมรับมัน…
.
.
.
TBC.
ขอทุกคนจงได้กลับไปเม้นในจอยหรือติดแทกทวิตที่
#อากวินท์น้องอินทัช
ด้วยค่ะ
ปล. คุณอาไม่อ่อนโยนเรย ฮุก
Comments
Post a Comment