FORBIDDEN Ch12: ผิดถูกและชั่วดี

            
(Special) FORBIDDEN Ch12: ผิดถูกและชั่วดี

#อากวินท์น้องอินทัช



           ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงที่อินยังนอนอยู่บนเตียงในขณะที่ยังมีแต่คำพูดของกวีวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา

            ใครจะโกหกกูก็ได้ ขอแค่ไม่ใช่พวกมึงก็พอ


          ‘ถ้ามึงคิดจะเอาพ่อเพื่อนตัวเองมาเป็นแฟนก็แล้วแต่

            “เหอะ” อินทัชได้แต่แค่นหัวเราะเบาๆ ทุกคำพูดทุกรูปประโยคมันช่างเสียดแทงหัวใจเขาจนอยากจะหายๆไปแล้วไม่ต้องรับรู้อะไรให้มันรู้แล้วรู้รอด นึกอิจฉาอากวินท์ที่อยากจะเดินหนีอยากจะทิ้งกันไปเมื่อไหร่ก็ได้ ปล่อยให้อินต้องเผชิญหน้ากับความจริงคนเดียวคือสิ่งที่อาเลือกจะทำ แต่มันก็สมควรแล้วเพราะคนที่เรียกร้องทุกอย่างคือเขาเองทั้งนั้น คนที่โหยหาและต้องการทั้งหมดในตัวผู้ชายคนนั้นคืออินทัชเพียงคนเดียว...

            ‘จะมาไหม?

            อินอ่านข้อความแจ้งเตือนของอาที่เด้งขึ้นมาหลังเขารับปากแต่ไม่ยอมโผล่ไปสักที ร่างเล็กถอนหายใจ ปฏิเสธไม่ได้ว่าความกลัวและความรู้สึกผิดในใจมันน้อยลงไปทุกที
            คนเลว...

            “ขอโทษที่มาช้านะครับ อินอาบน้ำอยู่” อินบอกหลังเดินเข้าไปทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ในห้องพักของกวินท์ ดวงตากลมกวาดไปทั่วห้องที่การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ก็คล้ายๆกัน ไม่มีอะไรแตกต่าง เพียงแต่กลิ่นอายของอาที่วนเวียนอยู่โดยรอบกลับทำให้อินปวดมวนในท้องอย่างน่าประหลาด

            “มานั่งนี่สิ” กวินท์เรียกเด็กที่นั่งตัวลีบอยู่บนเก้าอี้ให้มาข้างๆ ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าอินรู้สึกยังไงเพราะเขาเองก็ไม่ต่างกัน แค่กวินท์คิดว่าเขาเก็บอาการได้เก่งกว่าเด็กตัวเล็กก็เท่านั้น หมายถึงตอนที่เขาเลือกจะออกมาสูบบุหรี่แทนที่จะนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารเพราะไม่อยากให้ตัวเองเผลอทำอะไรเกินคำว่าผู้ใหญ่คนนึงออกไปในตอนนั้น

            “อื้อ” อินเดินมานั่งลงข้างๆอย่างว่าง่าย สองแขนกอดคนโตกว่าเอาไว้แล้วใช้แก้มถูไถไปมาตรงช่วงอกอย่างออดอ้อน กวินท์ยกแขนขึ้นกอดตอบพลางก้มมองเด็กขี้อ้อนแล้วยกยิ้มอย่างเอ็นดู

            “เรายังมีความสุขอยู่ไหม” ถามพลางจับปรอยผมสีบลอนด์ทัดหูเพื่อที่จะเห็นใบหน้าน่ารักได้ถนัด เขาคิดว่าคงจะได้เห็นแววตาวูบไหวแต่มันไม่ใช่แบบนั้น อินก็แค่เงยขึ้นมามองเขาแล้วพยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มกว้าง

            “ก็ต้องมีความสุขสิครับ เพราะตอนนี้อาอยู่ตรงหน้าแล้วอินก็ได้กอดอา”

            ก็แค่กอด...ในความหมายของเด็กอายุสิบเก้ามันไม่มีอะไรมากกว่านั้น อินมักจะขอเขากอดบ่อยๆ บ่อยจนพักหลังก็เลิกขอไปแล้วเข้ามากอดเองเลยด้วยซ้ำ อินเป็นเด็กที่ต้องการความอบอุ่น โหยหาและปรารถนาความรักในแบบที่ไม่เคยมี แต่กวินท์ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าอินทัชเข้าใจความหมายของคำว่ารักมากน้อยแค่ไหน

            ไม่รู้ว่าเหมือนที่เขาเข้าใจและเริ่มหวาดกลัวกับความปรารถนาทางกายที่มากขึ้นทุกทีหรือเปล่า...

            มือใหญ่เลื่อนไปจับปลายคางมนเอาไว้ก่อนที่จะก้มลงไปประทับสัมผัสแผ่วเบาบนเรียวปากอิ่ม ตั้งแต่เรื่องคืนนั้นพวกเขาก็ไม่ได้จูบกันบ่อยมากนักเพราะกวินท์ไม่อยากเอาเปรียบอีกคนเท่าไหร่ อย่างมากก็แค่ฟัดแก้มซ้ายแก้มขวาให้หายหมั่นเขี้ยวก็เท่านั้น

            “เขามาจีบเราใช่ไหม?” หมายถึงคนที่พาอินไปดำน้ำไกลๆ คนที่ตักอาหารให้ คนที่เอาใจใส่อินได้มากกว่าเขาที่ทำได้แค่นั่งดู

            “ม...เอ่อ ครับ” ตั้งใจจะปฏิเสธแต่รู้ว่าโกหกไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะยังไงอาก็ดูออกเลยได้แต่พยักหน้ารับอย่างจำนน

            “อืม”

            “แต่อินต้องการอาแค่คนเดียวนะ” ตัวเล็กรีบละล่ำละลักบอกเพราะเห็นกวินท์นิ่งไปเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ไม่อยากให้อาเข้าใจผิดแม้แต่นิดเดียวก็ไม่เอา

            “มากแค่ไหนครับ?” กวินท์ยกยิ้มมุมปากเมื่ออีกฝ่ายดูร้อนรน แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อจู่ๆเด็กที่นั่งอยู่ข้างๆก็ปีนขึ้นมานั่งบนตักตัวเองแล้วกอดคอเขาเอาไว้

            “มากกว่าที่อาคิดก็แล้วกัน”

            กวินท์บังคับให้ตัวเองคิดเป็นอื่นกับการกระทำและคำพูดสองแง่สองง่ามของอีกฝ่ายไม่ได้ มือใหญ่เลื่อนไปโอบเอวบางโดยสัญชาติญาณ ใบหน้าหวานอยู่ห่างออกไปไม่ถึงคืบ ช่วงล่างบดเบียดเข้าหากันผ่านเนื้อผ้าแบบที่ไม่มีใครเรียกร้องทว่าต่างรู้ดีว่าปรารถนา สะโพกสอบกระแทกสวนกลับไปเมื่ออีกฝ่ายขย่มลงมา

             กวินท์รับรู้ถึงลมหายใจที่ถี่กระชั้นขึ้นของเด็กตรงหน้า ใบหน้าหวานเชิดขึ้นเมื่อปลายจมูกโด่งไล้แผ่วเบา วนเวียนอยู่ตรงซอกคอขาว นิ้วเล็กสอดเข้าไปขยุ้มกลุ่มผมนุ่มอย่างอัดอั้น

            อินไม่รู้ว่าความผิดชอบชั่วดีอยู่ตรงไหน และมันคงหมดไปตั้งแต่เขาตัดสินใจเป็นฝ่ายเริ่มจูบพ่อของเพื่อนสนิทก่อนในครั้งนี้ เหมือนกับแม่เหล็กที่ดูดเข้าหากัน สองลิ้นพัวพันฟาดฟันจนเปลี่ยนเป็นความร้อนรุ่ม กวินท์ไม่ได้อ่อนโยนให้อินเหมือนครั้งก่อน ความอดทนที่สั่งสมมามันทำให้ผู้ชายใจดีกลายเป็นราชสีห์ที่กำลังจะขย้ำเหยื่อตัวน้อยโดยสมบูรณ์

            “อ๊ะ...” ร่างเล็กถูกผลักให้นอนราบไปบนเตียงในอีกไม่กี่วินาทีต่อมาตามมาด้วยร่างของกวินท์ที่ขึ้นทับ เสื้อนอนถูกถอดออกแล้วโยนลงไปบนพื้นอย่างไม่ใยดี มันช่วยไม่ได้ที่ชายหนุ่มจะรู้สึกชื่นชมร่างกายขาวที่ปรากฏต่อสายตา และคงจะน่าเสียดายหากเขาไม่ได้ลองลิ้มชิมรสมันอีกครั้ง

            ความจริงที่ว่าอินสามารถปลุกสัญชาติญาณดิบในตัวเขาขึ้นมาได้ทำให้กวินท์แทบไม่เป็นตัวของตัวเองและเสียการควบคุมไป

            กางเกงขาสั้นถูกถอดออกตามด้วยชั้นในตัวบาง ร่างเปลือยเปล่าที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้มีอะไรใกล้เคียงกับผู้หญิงมากมายที่เขาเคยผ่านมาแม้แต่นิด อินไม่ได้มีหน้าอกที่จับไปแล้วเต็มไม้เต็มมือแต่กลับทำให้ชายหนุ่มอยากจะบีบเค้นฟอนเฟ้นจนเกิดรอยแดง ไม่มีเอวที่คอดกิ่วแต่ก็บอบบางจนเผลอคิดว่าถ้ากระแทกไปแรงคงจะหัก ไม่ได้มีจริตจะก้านแต่กลับน่าขย้ำและขยี้ให้ร้องครวญครางใต้ร่างเขาไปทั้งคืน

            อินตัวสั่นในตอนที่กวินท์เริ่มจะสัมผัสไปทั่วร่าง ความต้องการมันมากล้นเสียจนผิวกายร้อนผ่าว สองขาแยกกว้างให้อีกฝ่ายได้ก้มลงไปเสพความสุขสมได้ถนัดถนี่

            “อา...อาครับ” อินได้แต่พร่ำเรียกชื่ออีกคนซ้ำๆเมื่อแกนกายเล็กถูกครอบครองด้วยริมฝีปากร้อน สองมือจิกทิ้งผ้าปูที่นอนอย่างทรมาน หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอก และกรีดร้องด้วยเสียงหวานหูยามที่อาปรนเปรอให้เขาไปถึงจุดหมาย

            ภาพของเด็กชายตัวเล็กที่นอนหอบอยู่บนเตียงมันทำให้ความคิดที่จะหยุดเพียงเท่านี้หมดไป น้ำสีขาวขุ่นที่เปรอะเปื้อนถูกชายหนุ่มใช้เป็นสิ่งที่จะพาตัวตนเข้าไปอยู่ในตัวอีกคนให้ง่ายขึ้น ปลายนิ้วนวดวนอยู่บริเวณช่องทางด้านหลังที่ร้อนผ่าวและเต้นตุบๆ ก่อนที่เขาจะกดนิ้วเข้าไป

            "อ๊า..."

            กายบางถึงกับผวาเฮือก กวินท์บอกตัวเองให้ใจเย็นเพราะรู้ว่าอีกคนยังไม่เคย ช่องทางด้านหลังขมิบตอดรัดนิ้วจนเขาไม่กล้าคิดว่าถ้าเป็นสิ่งที่ใหญ่กว่านี้เด็กตัวเล็กจะเป็นเช่นไร

            จากหนึ่งนิ้วเพิ่มเป็นสอง ใบหน้าหวานของอินทัชเหยเกด้วยความเจ็บ แต่แทนที่มันจะทำให้เขาหยุดกลับทำให้ความปรารถนาเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เมื่อนิ้วถูกถอนออกมาและชายหนุ่มก็รีบถอดกางเกงนอนตนอย่างรวดเร็ว

            อินทัชมองมือใหญ่ที่สาวส่วนแข็งขืนของตนเองเพื่อเตรียมความพร้อมอย่างหวั่นประวิง ส่งสายตาอ้อนวอนทว่าก็ไร้ความหมาย กวินท์ไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่

            "อย่าเกร็งเข้าใจไหม" เสียงทุ้มบอกคนที่กำลังจะต้องรับตัวตนของเขาเข้าไปด้วยความเป็นห่วง อินทัชพยักหน้าให้ เหงื่อซึมหน้าผากและแผ่นหลังด้วยความตื่นเต้นระคนหวาดกลัว

            “อึก...”

            ใบหน้าคมเคร่งเครียด กวินท์ขบกรามแน่นเมื่อพบว่าตัวเองใจร้อนและเร่งรัดมากเกินไป แต่จะให้ถอยหลังกลับตอนนี้ก็ไม่ทันเช่นกัน

            “ผ่อนคลายอีกนิดนะครับ” เขาบอกอีกคนเสียงแหบแห้ง ความปรารถนาตีตื้นขึ้นมาจนเริ่มจุกในช่องท้อง แต่จะให้ดึงดันสอดใส่เข้าไปก็คงจะใจร้ายเกิน

            “อินเจ็บ” อินบอกแล้วก็ร้องไห้ออกมา มันเจ็บเพราะช่องทางด้านหลังเหมือนจะฉีกขาด เจ็บจนเผลอผลักอีกคนออก

            “อยากให้อาหยุดใช่ไหม” กวินท์ถาม แม้เขาไม่เต็มใจจะหยุดเลยสักนิดแต่จะให้ฝืนต่อไปก็คงทำไม่ได้หากอินไม่ต้องการ

            “ม...ไม่” อินรีบบอกแล้วกอดอาไว้อีกครั้ง “อย่าหยุดเลยนะครับ”

            พอได้รับคำตอบชายหนุ่มจึงก้มลงไปจูบปากบวมช้ำแล้วคลอเคลียอยู่แบบนั้นไม่ห่าง กวินท์ยกยิ้มเมื่อได้ยินเสียงอินครางแผ่วเหมือนลูกแมวตัวน้อยเวลาออดอ้อนแล้วเจ้าของตามใจ ชายหนุ่มดึงมืออีกคนขึ้นไปเกาะไหล่ตัวเองไว้

            “ถ้าเจ็บก็จิกลงมาแรงๆได้เลยรู้ไหม”

            กวินท์บอกแค่นั้น หมดแล้วเวลาแห่งการรอคอย ร่างสูงจัดการดันตัวตนของเขาเข้าไปจนสุดความยาว แรงจิกทิ้งที่หัวไหล่ทำให้กวินท์รู้ว่าอินเจ็บแค่ไหน แต่เขาก็ไม่คิดจะหยุดอีกต่อไป

            “อ๊ะ อ๊า...”

            อินร้องลั่น ปากเผยอออกเพื่อโกยเอาอากาศเข้าปอด ความเจ็บปวดไม่ได้บรรเทาลงและยังรับรู้ได้ถึงของเหลวเหนียวๆที่ไหลเปรอะเปื้อนออกมา เลือดหยดลงบนผ้าปูที่นอนและเรียวขาของตนเอง อินทัชเบือนหน้าหนีภาพนั้นด้วยความกระดากอาย

            ยิ่งกวินท์ใส่มาแรงเท่าไหร่ปลายเล็บก็จิกกลับลงไปแรงเท่านั้น อินคิดว่าเขากำลังจะตายในตอนแรกแต่ปรากฏว่ามันทั้งเจ็บและสุขสมไปในคราเดียวกัน เสียงเตียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดกับเสียงเนื้อกระทบกันดังจนจู่ๆอินก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาในใจ

            เพื่อนสนิทของเขานอนอยู่ห้องข้างๆ

            RRRRrrrr

            เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมากลางคันไม่ได้ทำให้กิจกรรมของทั้งคู่หยุดชะงักลง แต่มันเป็นตอนที่พวกเขาได้เห็นชื่อเจ้าของสายที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอมากกว่า

            กวี

          มือที่จับโทรศัพท์อยู่สั่นจนมันเกือบร่วง อินทัชถึงกับหน้าซีดเผือด ดวงตากลมฉายแววตื่นตระหนก ต่างกับกวินท์ที่นิ่งงันไป ราวกับมีค้อนปอนด์ทุบลงมากลางหัว ชายหนุ่มมองเด็กตรงหน้าสลับกับจอโทรศัพท์ไปมาอยู่แบบนั้นกระทั่งสายตัดไปเองอินจึงรีบเข้าไปดูในโปรแกรมแชตเพราะปกติวีจะไม่โทรมาหากไม่มีธุระอะไรจริงๆ แต่นี่คงเป็นเพราะเขาไม่ได้ตอบไลน์

            ข้อความมากมายถูกส่งมาให้อิน เป็นเรื่องของกวีกับพี่ฮิม เลิกกันแล้วนั่นคือสิ่งที่อินเห็น รวมไปถึงกวินท์ด้วย แค่นั้นอินก็เข้าใจว่าทำไมวีถึงโทรมา อีกฝ่ายคงต้องการใครสักคนเพื่อปรับทุกข์ และคนแรกที่วีนึกถึงคงเป็นเขา เพื่อนที่กวีทั้งสนิทและไว้ใจ

            โทรศัพท์ดังขึ้นมาอีกครั้ง อินมองมันอย่างลังเล เขาเป็นห่วงวีมากและมันไม่ใช่เรื่องโกหก ทว่าตอนนี้อินเองก็ไม่พร้อมเช่นกันที่จะต้องเผชิญหน้ากับคนที่ตัวเองกำลังทรยศและหักหาญความไว้ใจที่เพื่อนมีให้อย่างไม่ใยดี

            “อาครับ” เสียงแผ่วเรียกชายหนุ่มอย่างต้องการความช่วยเหลือ

            ไม่สิ...สิ่งที่อินอยากได้ยินคือการที่กวินท์จะบอกเขาว่าไม่ต้องรับ ไม่ต้องไปสนใจความจริงที่รออยู่และปล่อยให้ที่ตรงนี้มีแต่คำว่าเรา

            “รับสิ” คนแก่กว่าตัดสินใจบอกออกไปแม้จะรู้ว่าอินยังไม่พร้อมและคงไม่อยากคุย ตัวเล็กส่ายหน้าไปมาน้ำตาคลอเบ้าแต่เขาก็ยังยืนยันคำเดิม “รับสายวีซะ”

            ฮ...ฮัลโหลอินทัชจำใจกดรับอย่างเสียไม่ได้ เสียงหวานกรอกลงไปตามสายพร้อมกับความจริงที่ตีแสกกลางหน้าว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับอาคืออะไร

          ไม่ใช่อินทัชคนนี้ ไม่มีวันที่จะเป็นอินได้เลยใช่ไหมครับอา?

อิน มึงมาหากูที่ห้องหน่อยได้ไหม?

อือ ไปได้สิ กูเห็นข้อความมึงแล้วนะ ขอโทษที่ตอนแรกไม่ได้เปิดอ่าน

สายตาตัดพ้อถูกส่งออกไป น่าขันสิ้นดีที่อาเลือกจะหันหน้าหนีแล้วทำเป็นมองไม่เป็นมัน ทั้งที่ความเป็นอายังค้างอยู่ในตัวของเขา ทั้งที่ร่างกายของเรายังคงแนบแน่นและทั้งที่เราทั้งคู่ยังเป็นของกันและกัน

อือ มึงรอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวเดินไป

สายตัดไปแล้ว ท่ามกลางความเงียบที่ชวนให้อึดอัดจนอยากจะหายไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอดแต่อินก็ยังคงไม่ขยับไปไหน เหมือนจะบอกให้อีกคนได้รู้ว่าอินจะไม่ไปไหนถ้าอายังอยากให้อินอยู่ เด็กน้อยทั้งขอร้องและอ้อนวอนแม้ความหวังจะริบหรี่

อาคิดถึงใจอินบ้างได้มั้ย...นิดเดียวก็ยังดี

“เข้าไปล้างเนื้อล้างตัวในห้องน้ำซะ” กวินท์บอกแล้วดึงตัวเองกลับมานั่งตามเดิม อินเลิกที่จะดื้อดึงเพราะเขาเองก็ไม่อยากให้กวีรอนาน ร่างเล็กก้มลงเก็บเสื้อผ้าแล้วเดินหายเข้าห้องน้ำไป

ลับหลังเด็กตัวเล็กแผ่นหลังตั้งตรงของคนเป็นผู้ใหญ่กลับห่อลงด้วยความทุกข์ใจ ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ต้องมีใครที่เจ็บ ไม่ใช่ครั้งแรกที่คิดเรื่องนี้แต่เป็นร้อยเป็นพันครั้งแล้วต่างหาก คิดจนเลิกคิด ก็แค่อยากพยายามให้มันถึงที่สุด อยากเอาชนะคนบนฟ้าและโชคชะตาที่กำหนดมาให้เด็กคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทของลูกตัวเอง




TBC.



Comments

Popular posts from this blog

กระแทก

Psychotic : CH6

Psychotic : CH14